0 Comments
Images designed by Vexels.com. Story courtesy of Activated magazine; used by permission.
![]() โดย เอลซ่า ไซครอฟสกี้ เมื่อวันคล้ายวันเกิดอายุครบเก้าปี ฉันได้ของขวัญเป็นหนังสือสอนวาดภาพด้วยสีน้ำ ฉันตื่นเต้นและเปิดดูด้วยความกระตือรือร้น แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง หนังสือหนึ่งในสี่ส่วนแรก ประกอบด้วยการฝึกสีเฉดต่างๆ และคำอธิบายการป้ายพู่กันแบบต่างๆ การผสมสี น่าเบื่อจริงๆ! ฉันถอนหายใจ ฉันพลิกดูตอนต่อไปอย่างผ่านๆ เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับพู่กันและกระดาษเกรดต่างๆฉันไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ส่วนที่สนุกๆ อยู่ไหนนะ ฉันข้ามไปตอนกลางเล่ม ภาพสตรอว์เบอรี่สะดุดตาฉัน ผลงานเป็นภาพที่วาดเสร็จแล้วดูให้ความหวัง และภาพคำแนะนำเป็นขั้นตอนดูเหมือนว่าทำตามได้ง่าย ถึงเวลาลองทำจริงๆ แล้ว! ฉันเอาพู่กันจุ่มน้ำ แล้วเริ่มวาด การระบายพื้นด้วยสีเหลืองมะนาว ซึ่งเป็นจุดเด่นบนสตรอว์เบอรี่ ก็ราบรื่นดี แต่เมื่อฉันพยายามระบายสีส้มเป็นเฉดสีกลาง ปรากฏว่าฉันผสมสีด้วยน้ำมากเกิน แต่ใส่สีน้อยไป ฉันไม่เคยผสมสีมาก่อน และไม่รู้วิธีผสมที่ถูกต้อง กระดาษบางๆ คุณภาพต่ำที่ฉันใช้ ไม่ซับสีแดงเข้มสำหรับเฉดสีเข้มที่สุด จึงเริ่มละลายเป็นรอยชุ่ม เปียกไปทั่ว เพราะฉันไม่ได้ทิ้งให้แห้ง หลังจากที่ระบายสีแต่ละชั้น สีสันที่ควรจะดูงดงามกลับเป็นเหมือนแม่น้ำไนล์ที่ไหลไปทั่ว! (ดู อพยพ 7:14-25) ฉันหมดหนทางที่จะพยายามกอบกู้ภาพไว้ ฉันพยายามระบายกลีบใบเลี้ยงบนสตรอว์เบอรี่ด้วยสีเขียว ทว่าพู่กันใหญ่เกิน สีเขียวเลอะทับพื้นสีแดง ผสมกันเป็นสีน้ำตาลที่ไม่น่าดู พอฉันทำความสะอาดสีที่เลอะเทอะเสร็จแล้ว ฉันตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่มีวันระบายสีอีก อย่างไรก็ตาม เช้าวันรุ่งขึ้น ความท้อใจถูกแทนที่ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ครั้งใหม่ ฉันจะใช้เงินติดกระเป๋าที่เก็บหอมรอมริบซื้อวัสดุที่ถูกต้อง ใช้เวลาศึกษาและฝึกฝน ในที่สุดฉันก็เพลิดเพลินกับการวาดภาพทิวทัศน์ และภาพนิ่งต่างๆ ใช่แล้ว แม้แต่ภาพสตรอว์เบอรี่ด้วย ตอนนี้ฉันเล็งเห็นว่า "ส่วนที่น่าเบื่อ" ทั้งหมดนั่น เป็นพื้นฐานความสำเร็จที่จะได้รับในภายหลัง ![]() บ่อยครั้งฉันปรารถนาที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่แล้วก็ต้องท้อแท้และหดหู่ใจ เมื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรค ความพลาดพลั้ง และความยากลำบากตามทาง ฉันยังไม่ค้นพบยาขนานวิเศษที่นำไปสู่ความสำเร็จ ทว่าบทเรียนเรื่อง "แม่น้ำไนล์สีแดง" เตือนใจฉันให้มีความพากเพียรที่จะฟันฝ่าช่วงเวลาที่น่าเบื่อ ไม่น่ายินดี หรือยากลำบาก นั่นเป็นทางเดียวที่จะวาดภาพสตรอว์เบอรี่ได้สำเร็จ Story courtesy of Activated magazine. Used by permission.
Image 1: Nonexistent World via Deviantart.com. Used under Creative Commons Attribution-Noncommercial-No Derivative Works 3.0 License. Image 2: Created by Starline – Freepik.com Image 3: public domain
วันหนึ่ง เมื่ออายุได้ 43 ปี เขาสะดุดก้อนหินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เขาบอกเล่าว่า “ผมเดินเร็วมาก พอเท้าสะดุดอะไรบางอย่าง ผมโซเซไปไกลถึงสองสามเมตร ผมต้องการรู้ต้นเหตุ ผมเคยฝันว่าสร้างปราสาท วัง หรือถ้ำ ผมอธิบายไม่ถูก... ผมไม่ได้บอกใครเพราะเกรงว่าเขาจะหัวเราะเยาะ ผมเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล สิบห้าปีต่อมา ผมเกือบลืมความฝันนั้นไปแล้ว ผมไม่ได้นึกถึงมันเลย ผมได้รับการเตือนใจ เมื่อเท้าสะดุดก้อนหิน ผมเกือบหกล้ม ผมอยากรู้ว่าเป็นอะไร... มันเป็นก้อนหินรูปร่างแปลกมาก ผมเก็บใส่กระเป๋าไว้ เพื่อจะได้ชื่นชมตอนหยุดพัก วันรุ่งขึ้นผมกลับไปยังที่เดิม ผมเจอก้อนหินอีก เป็นก้อนหินที่งดงามกว่าก้อนแรก ผมเก็บรวบรวมไว้ทันที ผมดีใจมาก”
ในปี ค.ศ. 1896 แฟร์ดินองเกษียณ จึงอุทิศตนต่อความปรารถอันแรงกล้าของเขาอย่างสิ้นเชิง เมื่อปี ค.ศ. 1912 หลังจากทุ่มเทแรงงาน 33 ปี ในวัย 77 ปี เขาสร้างปราสาทเสร็จ ทว่างานของแฟร์ดินองยังไม่สิ้นสุด เขาเริ่มสร้างสุสานอันประณีตบรรจง ซึ่งใช้เวลาอีกแปดปี และแล้วเสร็จเมื่อเขาอายุ 86 ปี
ถ้าคุณรู้สึกว่าชีวิตคุณจำเจ ขณะที่อยู่บนเส้นทางหลายกิโลเมตร ในช่วงวันเวลาของคุณ ขอให้ระลึกถึงปราสาท Palais idéal จากวิสัยทัศน์ของบุรุษไปรษณีย์ และความอุตสาหะพยายามแบบเรียบง่าย ในการสร้างความฝันด้วยก้อนกรวดและหินทีละก้อน คุณไม่มีวันล่วงรู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์น่าทึ่งใดบ้าง จากการสะดุดก้อนหินแปลกๆ ตามทาง ถ้าหากคุณใช้ก้อนหินที่สะดุด เป็นตัวช่วยปีนป่ายขึ้นไป คุณอาจสร้างสร้างสิ่งที่น่าทึ่งขึ้นมาก็ได้
Text courtesy of Activated magazine. Used by permission.
Image Credits: Image 1: Adapted from Wikimedia Commons Image 2: Stones by 0melapics via Freepik; background by Microsoft clipart Image 3: © Benoît Prieur / Wikimedia Commons
ปีนป่ายขุนเขาปีใหม่ by Free Children's Stories on Scribd
เคยมีชายผู้หนึ่งที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เขาไม่ลังเลใจที่จะให้คนอื่นทราบว่าเขารู้สึกเช่นไรเรื่องศาสนาและเทศกาลทางศาสนา เช่นคริสต์มาส อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเขามีความเชื่อ เธอเลี้ยงดูลูก ๆ ให้มีศรัทธาในพระเจ้าและพระเยซูเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เขากล่าวดูหมิ่น
คืนวันก่อนคริสต์มาสซึ่งมีหิมะตก ภรรยาของเขาพาลูก ๆ ไปนมัสการที่โบสถ์ในชุมชนชาวไร่ชาวนาซึ่งเขาอาศัยอยู่ เธอขอให้เขาไปด้วย แต่เขาปฏิเสธ "เรื่องไร้สาระ!" เขากล่าว "พระเจ้าจะลดตัวลงมาเป็นมนุษย์ในโลกทำไมกัน เหลวไหลสิ้นดี!" ภรรยาและลูก ๆ ของเขาจึงไปกัน ส่วนเขาอยู่ที่บ้าน อีกพักหนึ่ง ลมแรงขึ้นและหิมะกลายเป็นพายุ เมื่อชายผู้นั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่เห็นอะไรนอกจากหิมะที่ตกหนัก เขานั่งพักผ่อนอยู่หน้าเตาผิงที่อบอุ่น อีกชั่วขณะ เขาได้ยินเสียงดังปัง มีอะไรมากระแทกหน้าต่าง แล้วก็มีเสียงดังอีก เขามองออกไปข้างนอก แต่มองเห็นไกลแค่ไม่กี่ฟุต พอพายุค่อย ๆ ซาลง เขาเสี่ยงออกไปข้างนอกเพื่อดูว่ามีอะไรกระแทกหน้าต่าง ที่ลานใกล้บ้าน เขาเห็นห่านป่าฝูงหนึ่ง ปรากฏว่ามันกำลังบินไปทางใต้เมื่อติดพายุหิมะและบินต่อไม่ไหว มันหลงทางและติดอยู่ที่ไร่ของเขา ไม่มีอาหาร หรือที่หลบพายุ มันกระพือปีกบินต่ำ ๆ วนไปรอบลานอย่างไร้จุดหมายและมองไม่เห็นอะไร ดูเหมือนว่ามีสองสามตัวบินไปชนหน้าต่างบ้านของเขา
ชายผู้นั้นรู้สึกสงสารพวกห่านป่า เขาอยากจะช่วยมันโรงนาคงเหมาะให้มันไปหลบอยู่เขานึกในนั้นอบอุ่นและปลอดภัยพวกมันนอนที่นั่นได้คืนนี้ เพื่อรอให้พายุสงบเขาจึงเดินไปที่โรงนาและเปิดประตูกว้าง แล้วก็เฝ้าดูและรอคอย โดยหวังว่าพวกห่านจะสังเกตเห็นโรงนาเปิดอยู่และเข้าไป แต่ฝูงห่านกระพือปีกไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย ดูเหมือนว่ามันไม่เห็นโรงนา หรือตระหนักว่าจะมีความหมายต่อพวกมันอย่างไร ชายผู้นั้นพยายามเรียกพวกมัน แต่กลับทำให้พวกห่านกลัวและบินห่างออกไปอีก เขาเข้าไปในบ้านและออกมาพร้อมด้วยขนมปัง เขาฉีกขนมปังเป็นชิ้น ๆ โรยเป็นทางนำไปสู่โรงนา พวกห่านก็ยังไม่รู้เรื่อง เขาเริ่มหัวเสีย เขาอ้อมไปข้างหลังและพยายามไล่มันไปทางโรงนา แต่ทำให้มันกลัวมากขึ้น และกระจายไปทุกทิศทุกทาง นอกจากทางเข้าโรงนา เขาทำอะไรไม่ได้เพื่อให้มันเข้าไปในโรงนาซึ่งอบอุ่นและปลอดภัย "ทำไมพวกมันไมตามฉันมานะ!" เขาอุทานขึ้น "มันไม่เห็นหรือว่านี่เป็นทางเดียวที่มันจะรอดพายุไปได้" เขานึกชั่วครู่และตระหนักว่ามันจะไม่ตามมนุษย์หรอก "ถ้าฉันเป็นห่าน ฉันก็คงช่วยพวกมันได้" เขาพูดเสียงดัง แล้วเขาก็ได้ความคิด เขาออกไปที่โรงนา อุ้มห่านตัวหนึ่งของเขาออกมา ขณะที่เดินอ้อมไปด้านหลังฝูงห่านป่า เมื่อเขาปล่อยห่านของเขา มันก็บินผ่านฝูงห่านป่า ตรงเข้าไปในโรงนา ห่านป่าบินตามไปสู่ที่ปลอดภัย ทีละตัว ![]()
ชายผู้นั้นยืนนิ่งเงียบ ขณะที่ถ้อยคำซึ่งเขาเพิ่งพูดออกมาก้องอยู่ในหัวคิด "ถ้าฉันเป็นห่าน ฉันก็คงช่วยพวกมันได้!" แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่เขากล่าวกับภรรยาตอนหัวค่ำ "ทำไมพระเจ้าถึงอยากเป็นเหมือนเรา เหลวไหลสิ้นดี!" ทันใดนั้นเขาก็สำนึกได้ พระเจ้าได้ทำเช่นนั้นแหละ เราเหมือนห่านป่า มองไม่เห็นอะไร หลงทาง สับสน และจะถึงแก่ความตาย ดังนั้นพระเจ้าจึงให้พระบุตรมาเป็นเหมือนพวกเรา ท่านจะได้ชี้ทางให้เรา และช่วยกอบกู้เราไว้นั่นแหละคือความหมายของคริสต์มาส เขาตระหนัก
เมื่อพายุหิมะสงบลง ดวงจิตของเขาก็สงบ และไตร่ตรองถึงความนึกคิดแสนวิเศษนี้ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจจุดมุ่งหมายของคริสต์มาส ว่าเหตุใดพระคริสต์ถึงได้มา ความสงสัยและความไม่เชื่อที่มีมานานหลายปีอันตรธานหายไป ราวกับพายุที่พัดผ่าน เขาคุกเข่าลงบนหิมะ และกล่าวคำอธิษฐานครั้งแรก "ขอบคุณพระเจ้าที่ลงมาในร่างมนุษย์เพื่อช่วยผมให้รอดพ้นจากพายุ!"
Courtesy of Just1Thing.com.
เรื่องราวสำหรับเด็ก
มุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศ by Free Children's Stories on Scribd
Adapted from My Wonder Studio.
|
Categories
All
Archives
June 2024
|